MSc International Marketing with Tourism and Events
Edinburgh Napier University
2017
'' รีวิวเรียนต่อ MSc International Marketing with Tourism and Events ที่ Edinburgh Napier University ''
แนะนำตัวคร่าว ๆ หน่อยค่ะ
- แตงโม – จบปริญญาตรีสาขา Business Japanese จาก ABAC และปริญญาโทสาขา MSc International Marketing with Tourism and Events จาก Edinburgh Napier University
- ตอนนี้แตงโมทำงานอยู่ที่สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ฝ่ายพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ (Thailand Convention and Exhibition Bureau (Public Organization) MICE Capabilities Development Department) เป็นภาครัฐค่ะ คล้าย ๆ ข้าราชการ แต่เขาจะเรียกอย่างหนึ่งว่า องค์การมหาชน บทบาทหน้าที่ก็จะสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ คือหลังจากจบมา แตงโมหางานได้ค่อนข้างเร็ว ไม่ถึง 2 เดือนก็ได้งานเลย อาจจะเป็นเพราะว่าอยากทำที่นี่อยู่แล้ว ก็เลยทำ Research ให้เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะ มันก็เลยเข้ากับบริบทขององค์กร ตรงนี้ก็อาจจะมีส่วนที่ทำให้หางานได้ตรง แล้วก็ค่อนข้างเร็ว
ตอนที่ตัดสินใจจะเรียนต่อ ทำไมถึงเลือกเรียนเป็นสาขานี้ และที่มหาวิทยาลัยนี้เหรอคะ
- แตงโมตั้งใจจะไปเรียนที่ UK อยู่แล้ว แต่ในอังกฤษ มหาวิทยาลัยมันเยอะมาก แตงโมโฟกัสไม่ไหว เลยเลือกที่จะมาดูของ Scotland ก่อน ซึ่งตัวสาขา Event & Festival ของที่ Edinburgh Napier ค่อนข้างดัง หลักสูตรที่แตงโมเลือก ถึง Rank มันไม่ได้สูงมาก แต่มันเป็น Dual Degree มีได้ไปฝรั่งเศสด้วย มันเลยทำให้น่าสนใจมากขึ้น เพราะแตงโมก็ชอบเรื่องท่องเที่ยวอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดีเลยที่เราจะได้ไปทั้ง 2 ประเทศ แล้วก็นักเรียนไทยที่ Edinburgh Napier ไม่ค่อยเยอะด้วย
ตอนที่เรียน ชอบเรียนวิชาไหนที่สุด เพราะอะไร
- ที่ชอบที่สุดจะเป็นวิชา Tourism Concepts and Issues ในวิชานี้มันจะมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ Sustainability ซึ่งมันเทรนด์มาแรงมากตอนนี้ แต่ตอนที่แตงโมไปเรียนมันยังไม่เป็นเทรนด์ แต่พอกลับมาก็รู้สึกว่าดีนะ เราได้เรียนมาก่อนแล้ว ซึ่งทำให้เราเข้าใจ Concept ของมันมากขึ้น แล้วตัว Dissertation ของแตงโมก็เกี่ยวข้องกับ Sustainability ด้วย
- วิชาที่ชอบอีกตัวก็คือ Intercultural Business Communication วิชานี้จะทำให้เรารู้ว่าคนที่มาจากแต่ละประเทศ นิสัยจะเป็นยังไง อย่างตอนที่แตงโมเรียนอยู่ ก็จะแบบชอบคิดว่าคนที่มาจากประเทศนี้ ๆ ต้องนิสัยแบบนี้แน่ ๆ เลย แต่พอเรียนวิชานี้ เขาจะสอนว่าจริง ๆ แล้ว นิสัยคนเรามันซับซ้อนกว่านั้น เราจะไปเหมารวมว่าคนจากประเทศนี้ นิสัยเป็นแบบนี้ ฯลฯ อะไรแบบนี้ไม่ได้ ซึ่งวิชานี้ก็จะสอนการปรับตัว มันทำให้เราเข้าใจเพื่อน ๆ มากขึ้น เนื่องจากที่ Edinburgh Napier เด็กไทยไม่ค่อยเยอะ เพื่อนของแตงโมส่วนใหญ่ก็จะเป็น International หมดเลย
น้องแตงโมคิดว่าคอร์สนี้เหมาะกับคนเคยเรียน Business มาแล้ว หรือว่าคนที่ไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้
- จริง ๆ แตงโมก็ไม่ได้จบด้าน Business มาเหมือนกัน แต่ตอนเรียนช่วงปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยก็มีสอน Business แทรกบ้าง แต่ระยะเวลาช่วงปริญญาตรี กับปริญญาโทมันห่างกัน แตงโมก็เลยลืม ๆ ไปบ้าง จริง ๆ คือจะไม่มีพื้นฐานด้าน Business มาก็ได้ แต่อยากให้มีความสนใจด้านนี้มาก่อน มันจะได้ไปได้เร็วขึ้น คือถึงแม้จะไม่มีความรู้ด้านนี้มาก่อน แต่ว่าถ้ามีความพยายาม อ่านหนังสือเยอะขึ้นก็โอเคแล้ว แตงโมคิดว่าคอร์สนี้มันไม่ Specialize นะ แต่ว่าคนที่จะเรียน คือต้องสนใจด้านนี้จริง ๆ เพราะมันจะส่งผลถึงช่วงทำ Dissertation ด้วยว่าเราจะทำเรื่องอะไร ขอแค่ให้เรามีความสนใจค่ะ อาจจะไม่ต้องเชี่ยวชาญก็ได้ แล้วก็อย่างตอนเรียนน่ะค่ะ เราไม่ได้ประยุกต์ Marketing เข้าไปใน Tourism นะ เราต้อง Apply เอง อย่างตอนจบมา เราก็อาจจะไม่ไปทำงานแนว Event หรือ Tourism ก็ได้ เราอาจจะทำแนว Marketing อย่างอื่นก็ได้ คอร์สนี้มันไม่ได้เจาะไปด้านใดด้านหนึ่งค่ะ เราจะได้รู้พื้นฐานครอบคลุมทั้งสองอย่างเลย ซึ่งมันก็ตอบโจทย์สำหรับคนที่สนใจทั้งสองด้านนี้
สัดส่วนวิชาแนว Marketing กับวิชาแนว Event & Festival ในคอร์สนี้ แบ่งได้ดีตามที่เราสนใจมั้ยคะ
- แตงโมได้เรียนวิชาแนว Event กับ Festival อย่างละตัว แต่ของ Business จะ 3-4 ตัวค่ะ
ถ้าเป็นในแง่ของการส่งงาน Assessment กับการสอบเป็นยังไงบ้างคะ
- ของแตงโมเป็น Assessment หมดเลยค่ะ มีสอบแค่วิชาเดียว แต่ก็สอบแค่ครึ่งเทอมค่ะ ก็คือครึ่งเทอมแรกเป็น Assessment ส่วนครึ่งเทอมที่สองเป็นสอบค่ะ อย่าง 5-6 วิชาที่ได้เรียนคือเป็น Assessment หมดเลย ได้สอบแค่ครั้งเดียว แตงโมชอบ Assessment มากกว่า เพราะว่าเราได้อ่าน แล้วก็วิเคราะห์ อย่างตอนเรียน อาจารย์เขาจะให้ Lecture น้อยมาก เราจะได้ทำพวก Workshop ระดมไอเดียแบบนี้มากกว่า ซึ่งเรามีโอกาสได้ฟังความเห็นของเพื่อน ๆ แล้วอาจารย์ก็คอยช่วย Guide ด้วย
เพื่อน ๆ ใน Class ส่วนใหญ่มาจากที่ไหนกันคะ มีกี่คน
- เป็นกลุ่มเล็ก ๆ ค่ะ ประมาณ 25 คนเอง เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่จะมาจากเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส นอร์เวย์ มีจีนคนเดียวเอง แต่เขามาจากฝรั่งเศส ถ้ามาที่นี่จะไม่ค่อยเจอคนเอเชียนะคะ ซึ่งดีนะคะ เพราะในสาขาแตงโม ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ไม่ต้องกลัวเลยว่าตัวเองจะพูดไม่ได้หรือพูดผิด คือจริง ๆ ใน 25 คนก็จะแยกเป็นสาขา ๆ ไปอีกนะคะ อย่างตัวที่แตงโมเรียน จริง ๆ จะมีประมาณ 10 คนเอง แล้วเราก็ค่อนข้างสนิทกันด้วย
ด้วยความที่ Class เราค่อนข้างเล็ก ลักษณะการเรียนเป็นยังไงบ้างคะ อาจารย์เขามีวิธีการสอนยังไงบ้าง
- อาจารย์เขาจะให้นั่งธรรมดาแหละค่ะ แบบเรียงหน้ากระดาน แต่เขาจะถามเยอะ ซึ่งด้วยความที่ Class มันเล็ก ทำให้เรามีโอกาสพูด สิ่งที่เราต้องเตรียมไปก็คือ ต้องอ่านหนังสือไปเยอะ ๆ คืออาจารย์จะให้ Journal มาอ่านเยอะมาก
อาจารย์แต่ละท่านเป็นยังไงบ้างคะ ตัดเกรดโหดมั้ย อาจารย์ Support หรือเข้าหาง่ายมั้ย
- ที่นี่ตัดเกรดไม่โหดนะ รู้สึกว่าไม่ได้ยากค่ะ แต่จริง ๆ มันก็อยู่ที่ตัวเราด้วยแหละว่าเราจะวิเคราะห์ออกมาได้ดีมากน้อยแค่ไหน ตัวหลักสูตรหรือ Lecture มันไม่ได้ซับซ้อน ที่นี่เขาจะให้เราเรียนเองซะส่วนใหญ่ แล้วก็เอามา Discuss กับอาจารย์ว่าที่เราอ่านมามันเป็นยังไง ส่วนอาจารย์เขาก็ Support นะคะ อย่างหลังเรียนเสร็จ ถ้าเรามีอะไรจะถามก็คือถามเขาได้เลย แต่ถ้าเป็นช่วงเวลานอกอาจจะตามตัวยากนิดหนึ่ง เพราะอาจารย์เขาก็ไม่ได้เข้าทุกวันค่ะ แต่ถ้าเป็นฝ่าย Admin อะไรแบบนี้ก็อาจจะตามตัวยากหน่อย แต่เขาก็จะมีบอกไว้นะคะว่า ถ้าจะติดต่อด้านนี้ ให้อีเมลไปที่อีเมลนี้นะ
ช่วงที่เราเรียนนี่มีปัญหาอะไรบ้างมั้ยคะ เช่น สำเนียงฟังยากหรือเปล่า หรือปรับตัวยากมั้ย
- แตงโมเรียนที่ ENU เทอมแรกกับเทอมสุดท้าย ส่วนเทอมสองไปฝรั่งเศส มหาวิทยาลัยเขา Support เราดีนะ ช่วงที่ไปเรียน Pre-sessional Course เขาก็ช่วยแนะนำเรื่องที่พักให้ แต่ด้วยความที่หอพักค่อนข้างจำกัด นักเรียนในเมืองนี้ค่อนข้างเยอะค่ะ สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือหาหอพักยาก แต่สำเนียงฟังง่ายค่ะ แล้วก็อาจารย์บางคนเขาไม่ได้เป็นชาว Scottish ค่ะ สำเนียงก็จะฟังง่ายหน่อย
ช่วยเล่าประสบการณ์ตอนที่ได้ไปเรียนที่ฝรั่งเศสจอนเทอมสองให้หน่อยค่ะ
- จริง ๆ เราเลือกได้นะคะว่าจะไปหรือไม่ไป แตงโมคิดว่าการไปฝรั่งเศสมันเพิ่มประสบการณ์นะ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี เพราะวัฒนธรรมของสองประเทศนี้ก็แตกต่างกัน อีกอย่างเมืองที่ไปคือเมือง Nice ด้วย จริง ๆ มันก็มีอีกตัวเลือกหนึ่งนะคะ ก็คืออยู่ฝรั่งเศสต่อเลยก็ได้ เพราะว่าเทอมสาม ตอนทำ Dissertation เราติดต่อกับอาจารย์ทาง Conference อยู่แล้วค่ะ อย่างเพื่อนที่อยู่เนเธอร์แลนด์ เขาก็กลับเลยนะคะ แต่อยู่ที่ Napier ต่อก็จะดีตรงที่เราจะได้ใช้ Facilities ต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย ได้ใช้ห้องสมุด อย่างที่นี่ ห้องสมุดเปิด 24 ชั่วโมง ยกเว้นช่วงปิดเทอม จะเปิดถึงสี่ทุ่ม แล้วก็ช่วงเขียน Dissertation จะมีอาจารย์สอนภาษาอังกฤษช่วยดู ช่วยเกลาภาษาให้ด้วย แต่อาจารย์เขาจะอยู่แค่ครึ่งวันนะคะ
Dissertation ยากมั้ย ต้องเขียนกี่ Word ทำเป็นกลุ่มหรือเดี่ยวคะ
- แตงโมทำเป็นงานเดี่ยวค่ะ ต้องบอกก่อนว่า ช่วงเทอมสองจะมีวิชา Research Method เขาจะสอนทำ Dissertation แล้ว ซึ่งเราต้องคิดหัวข้อ แล้วก็ Proposal เรียบร้อยแล้ว แต่จริง ๆ ก็เปลี่ยนหัวข้อได้นะคะ แตงโมต้องเขียนประมาณ 12,000 - 14,000 คำ คือมันจะยากตอนเริ่มค่ะ เพราะเราไม่เข้าใจ ไม่มีประสบการณ์ด้านการทำ Project เลย ตอนเรียน Research Method ก็ไม่ค่อยเข้าใจ ต้องหาอ่านเองเยอะมาก แล้วก็มีมาติดตรงคิดหัวข้อ จะต้องเขียนเนื้อหายังไงเพื่อ Support เอกสารของเรา คือแบบแตงโมคิดว่าที่มันยากเพราะเรายังไม่เข้าใจวิธีการทำ และยังไม่รู้ว่าจะทำหัวข้ออะไร
- ส่วนอาจารย์ที่เป็น Supervisor อันนี้แล้วแต่นะคะ ของแตงโมอาจารย์ Support เยอะมาก อาจารย์ที่นี่เขาจะเหมือนเป็น Guide ค่ะ ไม่ได้ให้ข้อมูล คือเราต้องไปหาข้อมูลมาส่งให้อาจารย์ก่อนนะคะ อาจารย์ก็จะเอาไปอ่าน แล้วจะนัดเรามาคุยกันว่าเราควรจะเสริมข้อมูลอะไรบ้าง
ด้วยความที่เมือง Edinburgh มีจัด Event และ Festival ค่อนข้างเยอะ มหาวิทยาลัยมี Service ช่วยหาที่ฝึกงาน หรือมี Connection กับบริษัทที่นั่นบ้างมั้ยคะ
- ลืมบอกไปเลยว่า อีกเหตุผลหนึ่งที่เลือกมาเรียนที่นี่ก็เพราะว่าเขามี Event ใหญ่ หรือพวก Festival ไรงี้ แตงโมก็คิดว่า เราก็ควรไปเมืองที่ดังด้านนี้นะ แต่ช่วงที่ไปเรียน มันเป็น Downturn ของ UK ที่เขาก็กำลังมีปัญหาเรื่อง Brexit ทำให้หางานยากมาก แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีงานทำนะ แต่ของแตงโม เวลามันค่อนข้างจำกัด เพราะเราต้องย้ายไปต่างประเทศด้วย เลยต้องจัดการอะไรหลาย ๆ อย่าง ช่วงหลังเรียนจบ แตงโมก็อยู่หางานที่นู่นต่อนะคะ แต่มันค่อนข้างยาก เพราะมันจะมีข้อจำกัดตรง Work Permit ค่ะ ส่วนมหาวิทยาลัยจะมีเป็น Career Center แต่เขาจะช่วยเราหลังจากที่เราได้งานที่ถูกใจแล้วค่ะ แต่แตงโมก็ไม่ได้ใช้บริการอันนี้เท่าไหร่
มีความประทับใจอะไรเกี่ยวกับการไปเรียนที่นี่บ้างคะ
- มีใครไป Edinburgh แล้วไม่ประทับใจบ้าง คนที่นี่ Nice มาก ๆ แล้วก็เป็นเมืองที่ใช้ชีวิตอยู่ง่าย ใครที่เป็นเด็กจบใหม่ ไม่เคยมีประสบการณ์การไปเมืองนอก ที่นี่ก็ถือว่าโอเคเลย มันให้ความรู้สึก Warm & Cozy มาก ๆ แล้วก็ประทับใจในการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยค่ะ เพราะมันแตกต่างจากที่ไทย ส่วน Facilities ของที่ Edinburgh Napier ก็โอเคเลย คือมันเพียงพอกับความต้องการของนักเรียนค่ะ
ด้วยความที่ Edinburgh เป็นเมืองหลวงของ Scotland อยากรู้ว่าค่าครองชีพสูงมากมั้ยคะ บรรยากาศเหมือนกรุงเทพฯ มั้ยคะ
- โอ้โห เทียบกับกรุงเทพฯ ไม่ได้เลย Edinburgh เป็นเมืองที่สงบและเงียบ ที่นี่ห้างปิดเร็วมาก แต่ว่าก็จะมีร้าน Dining ที่ยังสามารถนั่งชิลล์ดึก ๆ ได้อยู่ คือแบบ Night Life ที่นี่ก็มีนะคะ แต่ว่ามันอาจจะไม่ได้ฉูดฉาดเท่ากรุงเทพฯ แล้วก็ถ้าใครชอบเมืองเก่า ๆ น่าจะชอบที่นี่ เพราะเมืองสวยมาก เดินเล่นในเมืองก็ฟินแล้ว บางคนก็บอกว่าค่าครองชีพแพงกว่าลอนดอนนะ แต่แตงโมไม่ได้เปรียบเทียบตลอดเวลา อย่างแตงโม แต่ละเดือนก็ใช้ไม่เยอะนะ เพราะค่าเดินทางที่นี่ถูกมากถ้าเทียบกับที่ไทย แล้วก็เดือนหลัง ๆ เริ่มชินกับเมือง ก็เดินเอาอย่างเดียวเลย ค่ากินก็ประหยัดได้นะ แบบทำอาหารกินเอง หรือไปกินที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยก็ได้ค่ะ จริง ๆ มันก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนนะ
สุดท้ายนี้ มีอะไรฝากถึงน้อง ๆ ที่จะมาเรียนที่นี่มั้ยคะ
- ถ้าใครมี Edinburgh เป็นหนึ่งในตัวเลือกอยู่แล้ว อยากจะบอกว่า Edinburgh เป็นเมืองที่เหมาะกับนักเรียนมาก ๆ เพราะว่ามันสงบ แล้วเมืองก็มีเสน่ห์ น่าค้นหามาก ๆ ถ้าเลือกที่นี่เป็น Destination แล้วจะไม่ผิดหวังแน่นอน แล้วก็ที่ Edinburgh Napier University เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดี หลักสูตร International Marketing with Tourism and Events ให้โอกาสเราได้ไป 2 ประเทศ ซึ่งถ้าใครสนใจเรื่องการเดินทางและ Festival เราจะได้เต็มที่หมดเลย ไม่ผิดหวังแน่นอน
สำหรับน้องๆที่สนใจเรียนต่อด้าน International Marketing with Tourism and Events หรือสมัครเรียนที่ Edinburgh Napier University สามารถลงทะเบียนสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่างนี้เลยค่ะ