MSc Psychology of Sport (Accredited)
University of Stirling
2021
2. ทำไมถึงตัดสินใจไปเรียนสาขานี้ และเลือกมหาวิทยาลัยนี้
ตอนนั้นเป็นช่วงโควิทค่ะ จากที่พลอยเคยเป็นนักกีฬา แข่งมาตลอด แมทแข่งลดลง ก็เลยมาสอนกอล์ฟด้วยค่ะ จากนั้น รู้สึกว่า ตัวเองไม่ได้อยากสอนแค่กอล์ฟแล้ว แต่อยากเป็นนักจิตวิทยาด้วย ซึ่งตัวพลอยเองจบคณะจิตวิทยามีพื้นฐานทั้งจิตวิทยา และตัวเองก็เล่นกีฬา ซึ่งจากประสบการณ์ของพลอยเอง พลอยรู้สึกว่า การเล่นกีฬา นักกีฬาถ้ามีเฉพาะทักษะทางร่างกายอย่างเดียว มันอาจจะไม่พอให้เราไปถึงจุดหมายสูงสุดได้ นักกีฬาต้องการทั้งเรื่องทักษะกีฬา ทั้งทักษะด้านร่างกาย และทักษะด้านจิตใจ ที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราไปถึงจุดหมายได้ และเรื่องจิตใจนั้น อาจจะเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับวงการกีฬาบ้านเรา เพราะจะเห็นว่า โค้ช หรือโปรนั้นมีเยอะมาก แต่นักจิตวิทยาการกีฬายังไม่ค่อยมี จุดนี้เลยเป็นสาเหตุที่พลอยตัดสินใจเลือกเรียนสาขานี้ค่ะ ส่วนการเลือกมหาวิทยาลัย ต้องบอกเลยว่าเลือกประเทศก่อน ซึ่งScotland นั้นคือจุดกำเนิดของกอล์ฟ อยากไปสัมผัสบรรยากาศค่ะ ส่วนเริ่องยู ที่เลือก University of Stirling เพราะว่าที่นี่ มีสื่อเสียงด้านกีฬาอย่างมาก นักกีฬาดังๆ จบที่นี่หลายคน และยังมีfacilities เยอะ เช่น ยิม สนามกอล์ฟ สระว่ายน้ำ คลาสออกกำลังต่าง อีกจุดที่สำคัญ โปรแกรมที่พลอยเลือก เป็น Accredited ซึ่งคือการได้รับรองจาก BPS (British Psychological Society) คิดว่าน่าจะเป็นที่เดียวในสก๊อตแลนค์
3. จุดเด่นของสาขาที่เรียน และวิชาที่ชอบ
สำหรับโปรแกรม MSc Psychology of Sport (Accredited) นี้เป็นคอร์สที่ได้รับการรับรองจาก BPS (British Psychological Society) ซึ่งก็คือสมาคมจิตวิทยาของประเทศอังกฤษ ฉะนั้น สำหรับโปรแกรมนี้ เรื่องเวลาเรียน และวิชาต่างๆก็จะอิงตามระบบของสมาคมมากกว่าที่จะอิงกับทางมหาลัยค่ะ ซึ่งการที่มีการรับรองนี้ จะเป็นตัวการันตีว่าถ้าเราอยากทำงานเป็น Psychologist ในประเทศอังกฤษ เราสามารถเรียนต่อ stage2 ได้เลย เพราะเราเรียนจบ Stage1 มาเรียบร้อยแล้ว และนี่คือสาเหตุที่คอร์สนี้เรียนจบภายใน 2 เทอม โดยที่โปรเจคจบ หรือdissertation จะเรียนในเทอม2 รวมกับโมดูลอื่นๆ ไม่ใช่เทอม3 เหมือนโปรแกรมอื่นๆค่ะ ส่วนวิชาที่ถือได้เป็นวิชาโปรดเลย ตั้งหน้าตั้งตารอทุกสัปดาห์คือ SPSP040 Application ซึ่งจะเป็นเรียนเกี่ยวกับ ทฤษฎี เทคนิคจิตวิทยา และวิธีการนำทฤษฎีและเทคนิคนั้นไปใช้จริงๆ ในการทำงาน ซึ่งตอนเรียนสนุกมาก อาจารย์จะอัพโหลดบทเรียน งานวิจัย หรือเคสต่างๆให้เราไปอ่านก่อน และเราเข้าห้องมาเพื่อถกกับเพื่อนๆ หรือคุยกับอาจารย์ เหมือนเป็นการอภิปรายกันค่ะ รวมทั้งมีการออกไปพรีเซนต์หน้าห้องด้วย อีกอันที่ชอบมากคือ SPSP061 ( Publish engagement in Sport Psychology) ซึ่งจะเป็นวิชาที่ได้ลงไปทำงานกับนักกีฬาจริงๆ อาจารย์จะจับกลุ่มให้เรา 3 คน แล้วจะบอกว่าเราต้องไปทำงานกับทีมกีฬาอะไร ของพลอยได้ทำกับทีมฟุตบอลเยาวชน ของเมือง Falkirk ซึ่งต้องนั่งรถไฟ ไปกับเพื่อน อาทิตย์ละครั้งถึงสองครั้ง และเรายังต้องตามกับทีมไปแข่งจริงๆ ไปดูเค้าซ้อมจริงๆ และกลับมามีเซคชั่นจิตวิทยาให้กับนักกีฬาจริงๆ ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเลยค่ะ
4. ทางอาจารย์ และมหาวิทยาลัย Support ดีมั้ย
ดีมากกกค่ะ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากก เพราะว่าไม่ใช่คนเก่งภาษา ตอนแรกที่จะมาคือรู้สึกกังวลมากค่ะ แต่พอมาถึง ทุกคนซับพอร์ตดีมากจริงๆ อาจารย์น่ารัก และพอเค้ารู้ว่าเราเป็นคนต่างชาติ เราตั้งใจ เวิร์คฮาร์ด เค้ายิ่งช่วยเรา ส่งเสริมเรา มีช่วงนึงที่ต้องกักตัว10วันเต็มๆ เลยเมลล์ไปหาอาจารย์บอกว่าจะขาดเรียนนะ เราทำแบบประเทศไทยเลย บอกว่าเวลานี้ไปไหน อยู่ไหน ทำอะไร 7 ก่อนหน้านั้น เค้าเมลล์มาขอบคุณ และบอกว่าไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลอะไรเลย ถ้าเรามีติดตรงไหน หรืออะไร ไม่เข้าใจ เค้า more than happy to help แล้วบอกว่า และเดี๋ยวจะนัดเซคชั่นแยกให้ เค้ามีเวลา จะมาคุยด้วย เผื่อเราต้องการความช่วยเหลือหรืออะไร อาจารย์คือน่ารักมากจริงๆค่ะ เค้ารู้ว่าพลอยเป็นโปร เค้าเลยมีเชิญเข้าไปร่วมเวิร์คช้อปจิตวิทยากับทีมนักกีฬากอล์ฟของมหาวิทยาลัยด้วย ซึ่งประสบการณ์แบบนี้ หาไม่ง่าย อาจารย์กรุณามากจริงๆ ส่วนทางมหาวิทยาลัยก็ดี เค้าเข้าใจว่าเด็กๆมาจากหลากหลายประเทศ เค้าจะมีศูนย์ภาษา มีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำ และช่วยเหลือ เราเลยแทบไม่กังวลอะไรเลยค่ะ
5. เพื่อนๆในคลาสมีประมาณกี่คน และเป็นเชื้อชาติไหน
ส่วนมาเพื่อนๆในคลาสจะเป็นคนสก๊อตติชนะคะ คงเพราะว่าการจบโปรมแกรมนี้ จะเป็นการได้ใบรับรอง สำหรับการจบStage1 ของการเป็นนักจิตวิทยาในอังกฤษ ฉะนั้น คนที่อยากเป็น Sport Psychologist ที่นู่น ก็จะมาเรียนโปรแกรมนี้กันเยอะมากค่ะ ส่วนรองๆมาก็จะเป็น อเมริกัน แคนนาเดียน ฟิลิปปินส์ อินเดีย เกาหลี โดยพลอยเป็นคนไทยคนเดียวเลยค่ะ 5555
6.เมืองที่เรียนเป็นยังไงมั้ง เหงามั้ย
สำหรับพลอยไม่เลยนะคะ เป็นเมืองที่สงบมากก ธรรมชาติสวย อาจจะมีตอนแรกนิดนึง เพราะเราเคยชินกับการอยู่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ แต่พออยู่ไปแปปนึงกลับชอบ ชอบจนขนาดย้ายเมืองไปอีก 4 เมือง ยังกลับมาเที่ยวเกือบทุกอาทิตย์ ความรู้สึกคือ Stirling เป็นเมืองที่ผสมความเจริญต่างๆ และธรรมชาติได้อย่างลงตัว รวมทั้ง Bridge of Allan ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ติดกัน เดินไปได้ วิวสวยมากก โดยเฉพาะถ้าเดิน หรือขับรถขึ้นไปบนเขาช่วงพระอาทิตย์ สวยสุดๆค่ะ แต่ส่วนตัวแล้ว สถานจริงๆที่ชอบที่สุดคงเป็นมหาวิทยาลัย เพราะตัวแคมปัสเอง สวยและสงบมาก มีบ่อน้ำขนาดใหญ่กลางมหาวิทยาลัยเลย ซึ่งจะมีหงษ์เยอะมาก วิวสวย ทั้งในบริเวณมหาลัยก็มี facilities ก็เยอะค่ะ ทั้งห้องสมุด ยิมขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำที่มีนักกีฬาทีมชาติอังกฤษชุดโอลิมปิกมาเก็บตัว แล้วยังมีสนามกอล์ฟอีก ด้านหลังมหาลัยมี Dumyat Hiking ที่สวยมากๆ เดินไม่นาน แค่ 1-2ชั่วโมง ถ้าขึ้นถึงบนยอด อากาศดี และวิวสวยสุดๆ เห็นทั้งเมืองเลยค่ะ ส่วนตัวเมือง Stirlingเอง เป็นเมืองที่มีทุกอย่างพร้อม พวกคาเฟ่ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงหนัง และยังเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยว เพราะเป็นเมืองหลวงเก่า มีปราสาท Stirling ที่ควีนอลิซาเบธชอบมาพัก และ Wallace Monument ที่มีชื่อเสียงของชาวสก๊อตด้วยค่ะ
7.อยากให้เล่าถึงการหางานหลังเรียนจบ ว่ายากมั้ย ต้องเตรียมตัวยังไงมั่ง
ด้วยความที่โปรแกรมของพลอยจะจบเร็ว กว่าโปรแกรมอื่นๆนิดนึง ฉะนั้นพลอยก็จะมีเวลาเตรียมตัว สำหรับการหางาน ว่าอยากทำอะไรต่อไป ที่ไหน หรืออยากกลับบ้านเร็วกว่านิดนึง ตอนนั้นพลอยปรึกษากับรุ่นพี่ค่ะ พี่เค้าแนะนำว่าถ้าอยากได้เรื่องภาษาและประสบการณ์ต่อให้อยู่ต่ออีกซักหน่อย พลอยเลยตัดสินใจอยู่ต่อ โดยพลอยทำ Graduated Visa ซึ่งจะเป็นวีซ่าสำหรับนักเรียนที่เรียนจบที่อังกฤษ แล้วสมัครเพื่ออยู่ทำงานต่อได้อีกสองปี หลังจากเรียนจบ พลอยเริ่มหาและสมัครงาน ก่อนที่จะเรียนจบประมาณหนึ่งเดือนค่ะ โดยหางานจากแอพชื่อ Indeed ซึ่งการหางานนั้นมันไม่ได้ยากค่ะ แค่ทำCVไว้ และหางานที่เราสนใจ โดยใช้ Key word จริงๆมีตำแหน่งเปิดเยอะมาก เราอาจจะแค่ดรอปCV ไว้แล้วเขาติดต่อเรากลับมาเอง เพื่อขอสัมภาษณ์ค่ะ เอกสารต่างๆเตรียมตามเว็บไซต์เลย เค้าเขียนไว้ บอกทุกอย่าง แต่พลอยมีปัญหาเรื่องสแกน BRP card ใบเก่า เลยต้องเสียเงินเพิ่ม เพื่อไปถ่ายรูปใหม่ที่ Glasgow ค่ะ จากนั้น เราก็มีจ่ายค่าประกันสุขภาพ สำหรับ2ปี เอาจริงตอนแรกแอบคิดว่าแพง แต่อยู่ๆไป ได้ใช้ เลยรู้สึกคุ้มค่ะ 555 รวมทั้งหมดที่จ่ายไประมาณ £2003 ซึ่งถ้าเราได้ทำงาน ประสบการณ์และเงิน คุ้มแน่นอนค่ะ
8. การทำงานกับคนใน UK เป็นยังไง ต่างจากทำงานที่ไทยมั้ย
ต่างมากกๆค่ะ ก่อนจะไปเรียนด้วยความที่พลอยแข่งกอล์ฟ และสอนกอล์ฟ การทำงานจะเหมือนฟรีแลซ์ เราทำตอนไหน กี่ชั่วโมง เลิกตอนไหนก็ได้ แต่อันนี้ เป็น full time เรามีเวลาเข้าออกแน่นอน และมีโอทีค่ะ เค้าคิดว่า ถ้าเราทำงานหนักกว่าปกติ เค้าก็พร้อมที่จ่ายเรามากกว่าปกติเช่นกัน เรื่องเวลาเข้างานนี่สำคัญมาก เพราะเค้าทำงานเป็นชั่วโมง เค้าจะไม่มีการมาสายเลย ซึ่งเรื่องนี้พลอยโอเค เพราะธรรมดามาก่อนเวลานิดหน่อยอยู่แล้ว และพอเลิกงานปุ๊ปคือออก เลิกงานทันที งานไม่เสร็จไม่ต้องห่วง ไว้ค่อยกลับมาทำต่อ อันนี้จะรู้สึกแปลกๆหน่อยนึงในช่วงแรกๆ 555 และหัวหน้าก็ไม่ค่อยมีโทรมา หรือเรียกเราตอนเวลาพัก หรือวันหยุด งานต่างๆที่หัวหน้าสั่ง เค้าจะมุ่งงาน เน้นที่ผลงาน ส่วนกระบวนการแล้วแต่เรา ถ้าทำผิดพลาด เค้าจะสอน และพูดตรงๆ ให้เราได้เรียนรู้ ส่วนเพื่อนร่วมงานก็ดีค่ะ ด้วยความที่พวกเค้ามีอายุมากกว่านิดนึง เค้าจะเอ็นดูเป็นลูกเป็นหลาน แล้วยิ่งเราเป็นเด็กไทย รู้สึกว่าเค้ายิ่งเอ็นดู เรียกไปทานข้าวด้วย หรือขับรถไปรับมาส่งประจำค่ะ แล้วถ้าเราทำดี แขกชม เค้าจะชมเราต่อหน้า แต่ถ้าทำผิด เค้าเรียกคุยส่วนตัว สิ่งนึงที่ได้เรียนรู้จากการทำงานคือ ต้องมีการเกทแบ็คกลับไปที่หัวหน้าตลอด ต่อให้ทำงานเสร็จ ก็ต้องไม่เงียบหายไปค่ะ
9. ความประทับใจในการทำงาน
ที่ทำงานที่แรกที่ได้คือเมืองในฝันเลย St. Andrews ซึ่งพลอยได้ทำตำแหน่ง Golf Operation ที่สนามกอล์ฟ Fairmont St. Andrews เป็นโรงแรมใหญ่ค่ะ มีสนามกอล์ฟ2 คอร์ส ทำที่นี่สนุกมากจริงๆ ได้ทำงานที่ชอบ เจอคนเยอะ ได้สอนทั้งกอล์ฟ ทั้งจิตวิทยา แต่ที่อยู่หายากมากค่ะ เลยต้องไปอยู่ที่ Dundee เพราะ St.Andrews ที่อยู่เต็ม แล้วนั่งบัสมาทำงานค่ะ เรื่องบ้านคือหาจากในแอพ SpareRoom ซึ่งมันดี และสะดวกมากๆ ส่วนงานที่ทำคือสวัสดิการดีมากค่ะ สำหรับที่แรกนั้นวันหยุด16 วันต่อครึ่งปี และถ้าเราไม่ใช้ เค้าก็จะจ่ายเป็นเงินให้แทนค่ะ ส่วนเวลาทำงานก็จะมี ยูนิฟอร์มให้ มีสิทธิ์เข้าใช้ ฟิตเนส ซาวน่า สระว่ายน้ำของโรงแรม ข้าวกลางวัน กับเย็นให้ฟรี และสิทธ์ในการเล่นกอล์ฟฟรี รวมถึงจองห้องพักให้ตัวเองกับครอบครัวในราคาที่ถูกมากๆค่ะ ส่วนที่ๆสองที่ได้ทำพลอยทำเป็น Staff ของ The Gleneagles hotel อันนี้ออกแนว Hospitality เน้นการบริการหน่อยค่ะ สนามที่นี่มี 4 คอร์สและพลอยต้องดูส่วนของในร้านอาหาร และบนโรงแรมด้วย ที่นี่ทำงานหนักมากค่ะ แต่ค่าตอบแทนก็เยอะ และเข้างานเป็นกะ บางทีเข้างาน4โมงเย็น เลิกงาน ตี2 ก็มีค่ะ ที่นี่จะเน้นผลงานมากๆ เจ้านายเนี้ยบ และมีลำดับขั้นเยอะหน่อย เพราะงานบริการที่นี่เค้าเคลมว่าเป็นระดับท้อป3ของโลก ซึ่งที่นี่ก็จะเน้นเรื่องการเทรนนิ่งค่ะ เค้าพัฒนาพนักงานตลอดเวลา พลอยเองก็ได้ใบเซอร์มาเพียบค่ะ ทั้งเรื่องอาหาร การบริการ หรือเรื่องการเทรนเป็นบาริสต้า ข้อดีของที่นี่คือ เค้ามีที่อยู่ให้ ในราคาถูกมากๆค่ะ ห้อง En-suit แต่ราคาแค่ £250 ต่อเดือน เทียบกับตอนอยู่ Dundee £450 และ St. Andrews £650 คือต่างกันมากค่ะ อาหารก็เหมือนกันค่ะ มีแคนทีนให้ ราคาถูกกว่าข้างนอกเหมือนกันค่ะ
สำหรับเรื่องแขก ทั้งสองที่จะคล้ายๆกัน คือรู้สึกประทับใจ และชอบคนไทย ชอบมีทิปแยกมาให้ อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยเจอคนไทย และประเทศไทยมีชื่อเสียง และคนไทยมีเซอร์วิส มายด์ คุยเก่ง อัธยาศัยดีค่ะ
10. รายได้ดีมั้ย
ประมาณหกหลักค่ะ
11. ความประทับใจที่สมัครผ่าน McDucation + Counsellor
อย่างแรกเลย ต้องขอบคุณ McDucation โดยเฉพาะพี่เกม และพี่บุ๋ม ที่ทำให้การไปเรียนต่อต่างประเทศไม่ยากอย่างที่คิด คือพี่เกมให้คำปรึกษาทุกอย่างเลย ตั้งแต่การแนะนำคอร์สเรียน คอร์ส pre-sessional เพราะตอนนั้นเป็นช่วงโควิท เราไม่สามารถไปเรียนที่นู่นได้ และเรื่องเรียนออนไลน์คือไม่ง่ายเลย ไหนจะเรื่องเวลา เรื่องระบบ แต่พี่ๆก็ช่วยมาจนสอบผ่านได้คะแนนมายื่นให้มหาลัย จนพอมาสมัคร ทำวีซ่า พี่เกมก็ตรวจเอกสารให้ ตอนนั้นถ้าให้ทำเอง คงอ่านไม่ไหวแน่ๆ เอกสารเยอะมากก แล้วภาษาอังกฤษตอนนั้น ก็ไม่ได้แข็งแรงเท่าไหร่ 555 หลังนั้นก็เป็นเรื่องบิน พี่เกมก็คอยช่วยดูเที่ยวบิน รวมทั้งเช็คสถานะ ประเทศไทยตอนนั้น คนติดเชื้อเยอะมาก จนทำให้กลายเป็น red list ต้องกักตัวที่โรงแรม ทาง McDucation ก็มีการเชิญมหาวิทยาลัยมาพูด รวมถึงบอกมาตารการซัพพอร์ตเรา ทั้งเรา ทั้งที่บ้านก็อุ่นใจขึ้นเยอะค่ะ กระทั่งตอนไปถึง กักตัว เริ่มเรียน เรียนจบ สมัครงาน รับปริญญา หรือการกลับบ้าน พี่เกมและ McDucation ก็อยู่ในทุกๆช่วงเวลาของการเดินทางนี้ พลอยดีใจมากกๆค่ะที่มีพี่เกม และ McDucation คิดว่าตัวเองคิดไม่ผิดเลือกไปเรียนต่อที่สก๊อตแลนด์ และเลือก McDucation ค่ะ ขอบคุณมากจริงๆค่ะ