MLitt Media & Communication
University of Strathclyde
2021
สวัสดีค่า ชื่อหนันนะคะ จบปริญญาตรี BA in English จากลาดกระบัง เพิ่งเรียนจบปริญญาโท MLitt Media and Communication with Distinction ที่ University of Strathclyde เมื่อ Jan 2023 ค่ะ ก่อนมาเรียนโทมีประสบการณ์ทำงานในวงการสื่อและเอเจนซี่มาประมาณ 5 ปีค่ะ
กลาสโกว์เป็นเมืองที่ไม่ได้ใหญ่ (ถ้าเทียบกับกรุงเทพฯ อ่ะเนาะ) แต่อยู่แล้วไม่เบื่อค่ะ ตัวเราเองที่ใช้ชีวิตและทำงานในกรุงเทพฯ มาหลายปี พอมานี่แล้วรู้สึกชอบกลาสโกว์มากๆ เพราะมันไม่ค่อยวุ่นวาย ไม่รู้สึก FOMO คือสามารถใช้ชีวิตได้ใน Pace ของตัวเอง ไม่ต้องแข่งขันกับใคร ดีต่อสุขภาพจิตมากๆ ค่ะ
ผู้คน: People Make Glasgow คำขวัญของเมืองไม่เกินจริงค่ะ คนที่นี่น่ารักมาก ซัพพอร์ตมาก ใจดีมาก ช่วยเหลือตลอด ชอบคัลเจอร์การฉีดยากันของที่นี่ คือเจอเพื่อนก็ทักกันก่อนเลยว่าวันนี้แต่งตัวน่ารักมาก ดูแฮปปี้น้า คือมัน Positive มากๆ มีช่วงที่เราทำงานร้านกาแฟ ลูกค้าก็ชวนคุยและชมนู่นนี่ ชมกันไปชมกันมา มันดีต่อใจจัง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่คือยังไม่เคยรู้สึกดาวน์เพราะคำพูดหรือการกระทำของคนรอบตัวเลยค่ะ
การเดินทาง: ถ้าเปรียบเทียบกับกรุงเทพฯ ที่นี่คือสะดวกกว่ามากๆๆๆๆๆๆ ค่ะ รถไฟ รถเมล์ ใต้ดิน (ถึงแม้มันจะวิ่งวนอยู่แค่นั้นก็ตาม) ครบเครื่อง แค่ต้องคอยตามข่าวว่ามี Strike ไหม ถ้ามีก็ปรับแผนการเดินทางของเราแค่นั้นเองค่ะ แล้วก็เมืองมันเดินได้ทั่วอ่ะ บางวันเดินเล่นจากบ้าน (East End) ไป West End ก็สบายๆ มากค่ะ
การจับจ่ายใช้สอย: ส่วนตัวเราคิดว่า ถ้ามีชีวิตอยู่รอดมาได้ในย่านสีลม-สาทร เอกมัย-ทองหล่อ ก็ใช้ชีวิตได้สบายๆ ในกลาสโกว์ค่ะ กินข้างนอกก็ไม่ได้ราคาต่างกันมากแบบโอเว่อร์ (แต่ไม่ได้หมายความว่ากินได้ทุกวันเนาะ 555) ส่วนตัวเรากินนอกบ้าน 30% ทำกับข้าว 70% เน้นกินไม่เน้นช้อป ถ้าเป็นเรื่องกินเราจะไม่ขี้เหนียวกับตัวเอง ก็อยู่ได้แบบไม่ลำบากค่ะ
สถานที่ท่องเที่ยว: ในกลาสโกว์มีแกลเลอรี่ มีมิวเซียม มีสวน มีถนนร้านโลคัลให้เดินเล่น เอาจริงๆ มันไม่น่าเบื่อน้า หรือถ้า Weekend ไหนอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็นั่งรถไฟไปเที่ยวเล่นที่เอดินบะระก็ได้ แค่ 45-60 นาที (ซัมเมอร์ก็ไป Portobello Beach กรุบๆ) ถ้าใครอยากไปเที่ยวเมืองอื่นๆ ก็นั่งรถไฟไปเลยค่ะ ลงใต้จาก Central ขึ้นเหนือจาก Queen Street คือมันง่ายๆ แบบนั้นเลย หรือถ้าใครมีใบขับขี่ ทำใบขับขี่สากลมา ก็เช่ารถขับไปเที่ยว Highlands เอยอะไรเอยได้ง่ายมากๆ
สรุปคือ Glasgow is great, and no one can tell me otherwise. ค่ะ 555 ขออนุญาตขายของ ฝากบทความ No-Nonsense Tips for Students New to Glasgow ที่เขียนให้ Strath Union คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์มากๆ สำหรับน้องๆ หรือเพื่อนๆ ที่กำลังจะมาเรียนที่กลาสโกว์ค่ะ
วันแรก VS วันสุดท้าย 555
พูดตามตรงว่าสกอตแลนด์ไม่เคยอยู่ในลิสต์เรียนต่อเลยจนกระทั่งมาเจอ McDucation ค่ะ 555 เราเลือกมาเรียนที่ Strathclyde เพราะสาขาที่เราเรียนคือ Top 3 ของทั้ง UK และค่าครองชีพในกลาสโกว์ก็ไม่ได้ตาเหลือกเท่าลอนดอน อีกอย่างคือกลาวโกว์เป็น Media Hub ของสกอตแลนด์ด้วย รวมๆ กันแล้วตัดสินใจได้ไม่ยากเลยค่ะ
Strathclyde ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแบบใจกลางเมืองจริงๆ (อารมณ์จุฬาอยู่ที่สยาม) เทอมแรกที่มา (Jan 2022) ได้เรียน Online 80% On Campus 20% ส่วนเทอม 2 (Sep 2022) ได้เรียน On Campus เกือบ 100% ค่ะ (มีวิชาเดียวที่เลคเชอร์ออนไลน์เพราะอาจารย์เป็น Long Covid) ตึกอาคารต่างๆ ทันสมัยค่ะ โดยเฉพาะ Learning and Teaching Building มีร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ (แบบขายเบียร์อ่ะ 555) อยู่ในตึกเลยค่ะ หอสมุด Andersonian ก็ปังอยู่ มีที่นั่งเยอะมาก มีปลั๊กทุกที่ ชอบไปนั่งทำการบ้าน ปั่นเอสเส ส่วนฟิตเนส Strathclyde Sports (ต้องจ่ายเพิ่ม) ก็ปังเช่นกันค่ะ มีคลาสต่างๆ มีสระว่ายน้ำ แต่เราชอบไปตีแบดที่สุดค่า
- กิจกรรม: ตอนที่เราเรียน เราอยู่ชมรมหนังสือพิมพ์ Strathclyde Telegraph ค่ะ ก็ได้เจอน้องๆ ปริญญาตรีและเพื่อนใหม่ๆ เยอะมาก ทุกวันนี้ก็ยังคุยกัน เจอกัน คือมันทำให้เราได้สังคมและได้เพื่อนค่ะ ที่ Strathclyde มีชมรมเยอะมาก ชมรมแฟนคลับของเทเลอร์ สวิฟต์ก็มีด้วย 555 คือมีอะไรสนุกๆ ให้ทำตลอดค่ะ
- การ Support นักเรียนต่างชาติ: บอกตามตรงว่าไม่ได้ใช้ Intl’ Student Support เลย เลยอาจจะให้ข้อมูลตรงนี้ไม่ได้มากเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นการ Interact กับอาจารย์หรือสตาฟในโปรแกรมคือดีมากๆ ค่ะ เขาให้ความช่วยเหลือไว ตอบไว และใส่ใจเราจริงๆ ค่ะ
เราอยู่ Private Flat แชร์กับแฟลตเมต (ที่เป็นเจ้าของแฟลต) ชาวสกอตค่ะ ส่วนตัวไม่ได้คิดที่จะอยู่หอตั้งแต่แรก แล้วอีกอย่างตอนช่วงที่กำลังจะมา (บิน Dec 2021) ไม่มีหอไหนว่างเลย เป็นช่วงที่วิกฤตสุดๆ สำหรับนักเรียนต่างชาติในกลาสโกว์ เราเลยเลือกที่จะหาแฟลตแชร์ไปเลย เราหาในเว็บไซต์ SpareRoom ค่ะ ตอนนั้นโชคดีมากๆ คือติดต่อไปที่เดียวแล้วได้เลย และก็ยังเป็นบ้านที่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้และจะอยู่ต่อไปยาวๆ ด้วยค่ะเพราะได้งานที่นี่แล้ว (เย้!!!)
แฟลตเราอยู่ฝั่ง East End ติดกับ Alexandra Park ค่ะ ตอนเรียนก็นั่งรถไฟหรือรถเมล์ไปไม่เกิน 15 นาที ในแฟลตเรามีห้องนอนของตัวเอง แชร์ครัว ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นกับแฟลตเมต เคมีความเข้ากันกับคนที่อยู่ด้วยสำคัญมาก อาจจะเป็นเพราะเรากับแฟลตเมตค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่กันทั้งคู่ เลยอยู่กันมาเป็นปีแบบไม่มีปัญหาอะไรเลย ไปบรันช์ ไปดื่ม ไปแฮงเอาต์ด้วยกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือพูดคุยปรึกษากัน ยิ่งอยู่ยิ่งสนิทเหมือนเป็นครอบครัว
ข้อแนะนำในการหาแฟลตแชร์ข้างนอกคือให้รอบคอบค่ะ ห้ามวางมัดจำถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ห้ามเซ็นต์อะไรถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ไม่มีใครมาคอยระวังให้เราได้ ยกเว้นเราระวังตัวเองนะคะ ในกรณีที่หาออนไลน์ก่อนบินมาเหมือนเรา ต้องนัด Video Call คุยกับเจ้าของห้องหรือแฟลตเมตให้ได้ค่ะ อย่าเชื่อข้อความหรือคำพูดลอยๆ และย้ำอีกครั้งว่า ห้ามจ่ายเงินใดๆ ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ
Part การเรียนการสอน
อย่างแรกคือ เราเป็นคนไทยคนแรกที่มาเรียนโปรแกรมนี้ 555 โปรแกรมนี้ค่อนข้างใหม่แต่ว่าฮิตมากๆ ทั้งในหมู่นักเรียนเจ้าบ้านและต่างชาติ
ก่อนที่จะมาเรียนจริง เราก็แอบตั้งคำถามนะว่าหลักสูตรหรือวิชาที่จะได้เรียนมันจะ Relevant กับสื่อสารมวลชนยุคดิจิทัลแค่ไหนกัน แต่พอได้มาเรียนจริงต้องยอมรับเลยว่าอาจารย์ทุกคนเก่งมากๆ และองค์ความรู้ที่ได้เรียนคือเป็นปัจจุบัน ไม่ล้าหลัง แต่เขาสอนให้เราคิดวิเคราะห์จาก Theory ต่างๆ ทำให้ประสบการณ์ที่เรามีมาก่อนและความรู้ที่ได้เรียนที่นี่มันกลมขึ้น คือการมาเรียนโปรแกรมนี้ทำให้เราเข้าใจว่า Why we do certain things ไม่ผิดหวังเลยที่เลือกมาเรียนที่นี่ และอย่างที่บอกไปก่อนหน้าคือ Journalism, Media, and Communication ที่ Starthclyde ติด Top 3 UK อยู่แล้วด้วย ใครสนใจสายมีเดียและสื่อสารมวลชนคือแนะนำจริงๆ
โปรแกรมเราเรียนเทอมละ 3 ตัว รวมเป็น 6 ตัว บวกกับ Dissertation ค่ะ เราไม่มีนั่งสอบเลย แต่มีเขียนเอสเสมิดเทอมกับไฟนอลทุกวิชาค่ะ ชิ้นละ 2,500-4,000 คำแล้วแต่อาจารย์เลยค่ะ
การเรียนแต่ละคาบแบ่งเป็น 2 ส่วนคือเลคเชอร์กับสัมมนาอย่างละชั่วโมง เลคเชอร์ก็คือฟังเลคเชอร์ (555) แต่ที่อยากให้กอบโกยกันคือสัมมนาค่ะ เพราะเป็นอะไรที่ต่างจากที่ไทยมากๆ ทุกคนจะได้แชร์มุมมองและดิสคัสกันในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคาบเรียนนั้นๆ เราว่ามันน่าสนใจมากที่ได้ฟังคนจากหลายๆ ชาติพูดถึงเรื่องเดียวกันแต่จากหลายมุมมอง
วิชาที่ชอบที่สุด (ทั้งๆ ที่ไม่คิดว่าจะชอบเลย) คือ Media and Health สอนโดย Petya Eckler, PhD (ที่เป็นที่ปรึกษาวิจัยเราเอง) เราได้เรียนเกี่ยวกับอิทธิพลของสื่อต่อสุขภาพและสาธารณสุข เป็นเรื่องที่ไม่คิดเลยว่ามันจะใกล้ตัวขนาดนี้ ได้เรียนและทำโปรเจกต์เกี่ยวกับ Media Portrayal และ Public Knowledge ของโรคต่างๆ ทั้งทางกายและทางใจ เราเลือกทำ Body Dysmorphic Disorder (BDD) ได้เขียนเปเปอร์ สัมภาษณ์ และทำโปสเตอร์สัมมนา ได้รางวัลที่ 1 เป็น Prosecco มาด้วยค่ะ เลยประทับใจมาก 555
ตลอดระยะเวลาที่เราเรียนที่นี่ เราตั้งใจและภูมิใจกับเอสเสทุกชิ้นที่เขียน รวมถึงวิจัยที่ทำ คือทุกอย่างที่เราเขียน มันเป็นสิ่งที่เราสนใจจริงๆ และอาจารย์ก็คอยซัพพอร์ต คอยให้ Pointer คอยแนะนำตลอดว่าลองอ่านเปเปอร์นี้ไหม ลองไปดู Thoery นั้นนี้เพิ่มไหม ยิ่งในช่วง Dissertation คือไปหาอาจารย์ อาจารย์ดูแลเราเหมือนลูก 555 ชงกาแฟให้กิน เอาขนมมาให้กิน แล้วยังฉีดยาให้ต่อเอก (ไม่เอาแล้ว 555)
ถ้าเป็นกิจกรรมที่ทางโปรแกรมจัดเองเลยจะไม่ค่อยมีค่ะ แต่ว่าบรรดาอาจารย์ก็จะคอยอัปเดตบอกข่าวเกี่ยวกับอีเวนต์นู่นนี่ในกลาสโกว์ เราจะไปร่วมหรือไม่ไปก็แล้วแต่ค่ะ
เรามีโอกาสได้ไปงาน Festival of Journalism ที่จัดโดย PA Media กับ Google News Initiative ก็คือกรี๊ดมาก เพราะได้เจอนักข่าวตัวจริงจาก Rolling Stone, The Face, VICE ฯลฯ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่น่าจะได้สัมผัสที่ไทย และเป็นโอกาสในการ Networking ที่มีค่ามากๆ ค่ะ
มีประโยชน์มาก: Digital Skills for Media and Communication เปิดโลก Data คือมัน Practical มากๆ ทำจริงไรจริง
ชอบมาก: Media and Health กับ Communication and Media Theory in an International Context
ยากมาก: ส่วนตัวไม่คิดว่ามีอะไรยาก เพราะไม่ใช่วิชาแบบต้องอ่านสอบ แต่เป็นวิชาที่ต้องอ่านเพื่อทำความเข้าใจ พอเข้าใจแล้วก็ไม่มีอะไรยากค่ะ
ในแต่ละคลาสจะมีจำกัดจำนวนคนนะคะ (เพื่อความปลอดภัยเนื่องจากโควิด) แต่รวมๆ แล้วปีเราน่าจะประมาณ 30-40 คนค่ะ เพื่อนๆ ในคลาสคือ Diverse มาก มีทั้งชาวอังกฤษ สกอต ยุโรป อเมริกัน อินเดีย จีน ไนจีเรีย ตอนเรียนคือเราเป็นคนไทยคนเดียว 555 ส่วนอาจารย์ก็หลากหลายค่ะ ทั้งชาวสกอต อังกฤษ ยุโรป อเมริกัน คือเป็นโปรแกรมที่มิกซ์มากจริงๆ (ขออนุญาตไม่แชร์รูปที่ติดหน้าเพื่อนหรืออาจารย์เพื่อ Privacy นะคะ)
Last but not least เราอยากบอกว่า ทั้งกิจกรรม เอสเส วิจัย ทุกอย่างที่เราทำมันสะท้อนตัวตนและความสนใจของเราจริงๆ เรารู้สึกว่าการมาเรียน MLitt Media and Communication ที่ Strathclyde คือหนึ่งในการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณพี่ๆ McDucation ทุกคนโดยเฉพาะพี่บุ๋มด้วยค่ะที่ดูแลในช่วงสมัครจนได้ Offer และทุน
Dean’s International Excellence Award จนได้มาเรียนที่นี่